ดร.อำพล ชะโยมชัย
การรับรู้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการตีความสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวหรือที่ได้สัมผัส
เมื่อรับรู้อย่างไร บุคคลก็จะแสดงพฤติกรรมตามการรับรู้นั้น
โดยการรับรู้จะเกิดขึ้นในลักษณะอย่างไรนั้น
ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆส่วนบุคคลหลายปัจจัย เช่น ทัศนคติ ค่านิยม ความคาดหวัง ประสบการณ์
เป็นต้น หลายครั้งที่มักจะเกิดการเห็นภาพลวงตา
อันเนื่องมาจากการมองที่มีความผิดพลาดจากความเป็นจริง
ทำให้บุคคลตีความหมายของสิ่งต่างๆผิดไปจากสิ่งที่ควรจะเป็นหรือความเป็นจริงของสิ่งที่รับรู้
การแสดงออกจึงอาจจะเกิดความแตกต่างกันไประหว่างคนสองคนที่รับรู้ในสิ่งเดียวกัน
ดังนั้น การทำความเข้าใจในเรื่องการรับรู้ เช่น ความหมายของการรับรู้
กระบวนการในการรับรู้ ความผิดพลาดของการรับรู้ เป็นต้น มีความสำคัญต่อการบริหารจัดการขององค์การและยังมีความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม
การทำความเข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับการรับรู้ดังกล่าว จึงเป็นเรื่องสำคัญต่อผู้บริหาร
เพื่อประยุกต์ใช้ในการรับรู้สถานการณ์และบริหารงานอย่างถูกต้องและเที่ยงธรรม
“การรับรู้” หมายถึง กระบวนการจัดการหรือตีความหมายของสิ่งที่บุคคลคนนั้นได้สัมผัสจากประสาทสัมผัสของตนเอง
โดยการตีความจะอาศัยประสบการณ์ การเรียนรู้ ทัศนคติ และค่านิยมของตน และเมื่อรับรู้ในเรื่องนั้นในลักษณะใด
ก็จะมีพฤติกรรมที่แสดงออกไปในลักษณะนั้นด้วย
ปัจจัยที่มีผลต่อการรับรู้
ได้แก่ ผู้รับรู้ เป้าหมายที่จะรับรู้ และบริบทหรือสถานการณ์ของการรับรู้ หรืออาจจำแนกปัจจัยที่มีผลต่อการรับรู้เป็น
6 ประการ คือ ค่านิยมและทัศนคติ บุคลิกภาพ ความคาดหวัง ประสบการณ์ การจูงใจ
และความสนใจ การรับรู้เป็นกระบวนการที่ประกอบด้วยหลายขั้นตอน ได้แก่
ความสนใจและการเลือกข้อมูล การจัดการข้อมูล การตีความข้อมูล และการดึงข้อมูลกลับมา
โดยกระบวนการของการรับรู้อาจพบว่ามีความผิดพลาดของการรับรู้ได้
ซึ่งสาเหตุมีหลายประการ เช่น ความผิดพลาดจากความเหมือน
ความผิดพลาดจากการเปรียบเทียบ อคติของบุคคล เป็นต้น
ทฤษฎีของการรับรู้จะช่วยให้เราเข้าใจประเด็นต่างๆของการรับรู้มากขึ้น
และสามารถใช้ประโยชน์จากการรับรู้ในองค์การได้ เช่น ใช้ในเรื่องการสัมภาษณ์งาน
ใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน ใช้ในการบริหารความประทับใจ เป็นต้น
การประมวลผลข้อมูลและกระบวนการในการรับรู้
(ที่มา :
Schermerhorn, Osborn, Uhl-Bien & Hunt, 2012: 78)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น